เรื่องราวของนักสืบและบันเทิงคดีอวกาศโคจรมาชนกันในเกมการผจญภัยไซเคเดลิก Nirvana Noir

14.4.2568
โดย Rachel Watts ผู้เขียน

ความพยายามในการยัดหนึ่งในเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์โลกมาย่อไว้ในนิทานเกี่ยวกับนักสืบนัวร์สุดเท่อาจฟังดูเป็นภาระใหญ่หลวง แต่สตูดิโอพัฒนาเกม Feral Cat Den ก็เดินหน้าอย่างแน่วแน่ด้วยเกมเดบิวต์อย่าง Genesis Noir

แอนิเมชันลื่นไหลพาผู้เล่นทัวร์จักรวาลแสนกว้างขวางผ่านมุมมองของตัวเอกฟิล์มนัวร์ที่เดินทางข้ามเวลา ขณะที่เขาพยายามหยุดยั้งไม่ให้คนรักตกเป็นเหยื่อกระสุนปืน หรือในชื่อของ The Big Bang ในตอนจบของปริศนานักสืบนี้ ผู้เล่นจะได้รับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ จนได้เป็นตอนจบสองทางที่ให้ผลลัพธ์แตกต่างกันมาก

หลังจากการเปิดตัว Genesis Noir ในปี 2021 ทีมงานที่ Feral Cat Den เองก็พบกับการตัดสินใจครั้งสำคัญด้วย ระหว่างเปลี่ยนไปทำโปรเจกต์อื่น หรือยังคงทำเกมต่อไป โดยเฉพาะภาคต่อของ Genesis Noir "ตอนที่เราทำ Genesis Noir เสร็จ เรายังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าอยากทำอีกเกมไหม" Evan Anthony จาก Feral Cat Den กล่าว "แต่พอผ่านไปหลายปีนับจากที่เกมเปิดตัว เราก็คอยซัพพอร์ตเกมด้วยการทำ DLC แล้วเราก็ยังสนุกกับการสร้างโลกนั้น และทำงานอาร์ตในทิศทางนี้"

หนึ่งการตัดสินใจ สองไทม์ไลน์ คือแบบที่ไม่มีภาคต่อของ Genesis Noir และแบบที่มี Nirvana Noir ซึ่งเป็นภาคต่อชวนให้พิศวง Feral Cat Den บอกว่าไม่จำเป็นต้องเล่นภาคแรกเพื่อสนุกกับเกมภาคต่อนี้ เพราะเป็นเนื้อเรื่องที่ติดตามแบบแยกจากกันได้

"มันเป็นเรื่องของตัวละครที่โดนแยกออกมาใช้ชีวิตสองแบบ" Anthony กล่าว "เขาต้องพบกับการตัดสินใจที่เป็นไปไม่ได้เลยในอดีต และเขาเลือกตัวเลือกที่เป็นไปไม่ได้ในการใช้ชีวิตทั้งสองทาง จนต้องเผชิญกับผลที่ตามมาในตอนนี้ เราคิดว่าการที่ตอนจบทั้งสองแบบของเกมแรกรวมอยู่ในเส้นเรื่องหลักของตัวละครนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก การที่คนคนนี้ต้องแยกร่างเพื่อใช้ชีวิตทั้งสองแบบที่แตกต่างกันสุดๆ จะเป็นยังไง"

ถึงแม้ว่านักสืบอวกาศ No Man ของเราจะแขวนหมวกนักเดินทางข้ามเวลาไปแล้ว แต่เขากลับต้องเผชิญกับปริศนาครั้งใหม่ที่ส่งผลต่อไทม์ไลน์ทั้งสองที่เขากำลังเผชิญอยู่ "คุณพยายามปกป้องชีวิตตัวเองและเมืองที่อยู่" Jeremy Abel จาก Feral Cat Den กล่าว "นี่คือภัยคุกคามหนึ่งเดียวที่แทรกซึมเส้นทางชีวิตทั้งสองทางที่เขาเลือก"
 

คอร์รัปชันในอวกาศ


แทนการท่องอวกาศ เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ใน Nirvana Noir กลับดำเนินในสถานที่ที่ได้แรงบันดาลใจจากนครนิวยอร์ก เมืองหนึ่งเดียว กับความเป็นจริงสองแบบ

แบบแรกคือความจริงที่ว่า No Man หยุดยั้งกระสุนได้ ซึ่งเป็นเส้นเรื่องที่ผู้เล่นเกมแรกคุ้นเคย ความเป็นจริงนี้มีชื่อว่า Black Rapture จะมีลุคและให้บรรยากาศใกล้เคียงกับเกมแรก ทั้งภาพขาวดำ บรรยากาศอึมครึม ความเป็นแจ๊ส เลาจน์หรูกรุ่นควันบุหรี่ และรินวิสกี้กันอย่างอิสระ เป็นสิ่งที่คงดูไม่แปลกตาอะไรถ้าไปอยู่ในภาพยนตร์นัวร์คลาสสิกช่วงปี 1940 ถึง 1950 อย่างพวก The Third Man หรือ Double Indemnity
Nirvana Noir 6
ความเป็นจริงที่สองแตกต่างจากนั้นอยู่มาก ไทม์ไลน์นี้ชื่อว่า Constant Testament ที่มีทั้งความรุ่มร้อน เหงื่อไคล และแดดแรงหลอนประสาทจากภาพยนตร์แนวนีโอนัวร์อย่าง Inherent Vice และ The Long Goodbye ที่ทั้งสว่างจ้า หลากสีสัน และชวนให้มึนเมา "เราได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์สารไซคีเดลิกในอเมริกา" Anthony กล่าว "ยุคสิทธิพลเมือง โครงการเอ็มเคอัลทรา การที่ LSD เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวทางสังคม และการที่รัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วม"

ความเป็นจริงเหล่านี้ไม่ได้แค่ถอดกลิ่นอายภาพยนตร์มาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงประวัติศาสตร์โลกที่ได้รับการสำรวจผ่านภาพยนตร์ทั้งสองแนว แต่ความแตกต่างของทั้งสองแนว ที่ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด ก็ยังสำคัญต่อแนวทางการสร้างความจริงสองแบบของทีม "บางครั้งเราก็บอกความแตกต่างระหว่างนัวร์และนีโอนัวร์ที่ชัดเจนไม่ค่อยได้ แต่เรามักจะเปรียบเปรยกับ LA ที่มีแดดจ้า กับนิวยอร์กอันมืดหม่น" Abel กล่าว

แรงบันดาลใจใหญ่ๆ ของทีมสำหรับทั้ง Genesis Noir และ Nirvana Noir คือหนังสือรวมเรื่องสั้นแนว Sci-fi ของ Italo Calvino ชื่อ Cosmicomics การบรรยายภาพด้วยบทกวีของ Calvino เพื่อพรรณาเรื่องราวที่วางเนื้อเรื่องตรงกับภาพที่ทีมมี "Calvino ไม่ได้พยายามสื่อสารสิ่งเหล่านี้ออกมาตรงๆ หรือพยายามสอนให้เห็นรายละเอียดต่างๆ เขาใช้มันเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์แสนลึกซึ้ง" Anthony กล่าว

มันคืออารมณ์อ่อนไหวที่ถ่ายทอดออกมาผ่านเกมของ Feral Cat Den ทั้งสองเกม รวมถึงความเป็นจริงของทั้งสองไทม์ไลน์ใน Nirvana Noir สำหรับ Black Rapture นักสืบ No Man พยายามตามหาผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุวางเพลิงต่อเนื่องซึ่งทำให้เมืองเหลือเพียงเถ้าถ่าน ส่วนใน Constant Testament เขาเป็นผู้ให้ข้อมูลอาชญากรกับตำรวจที่สืบสวนคดียาอันตรายชนิดใหม่และลัทธิวัฒนธรรมต่อต้าน
Nirvana Noir 1
ยังไม่ชัดเจนนักว่าเรื่องราวทั้งสองจะผนวกเข้าด้วยกันยังไง แต่บทบาทของ No Man ยังคงเป็นเหมือนเดิมในไทม์ไลน์ทั้งสองแบบ เขาพยายามหยุดยั้งเหตุการณ์ที่ฝังแน่นอยู่ในเส้นของกาลเวลา และเขากำลังต่อต้านกลุ่มพลังทางสังคมที่ยิ่งใหญ่ อย่างรัฐบาลที่โกงกินบ้านเมือง พิษร้ายจากยาเสพติด และกลุ่มอาชญากรที่คลุมเครือ แต่ยังรวมถึงพลังจักรวาลอย่างความเข้าใจความเป็นจริง และการไหลเวียนของเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งสองสิ่งนี้ดูเหมือนจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา แต่เขาก็ยังคงลุยต่ออยู่ดี

"ผมว่ามันมีความต่อเนื่องที่สูงมากระหว่างตัวเอกนัวร์และธีมเกี่ยวกับการดำรงอยู่ กลางอวกาศ ที่ตั้งคำถามใหญ่ๆ ถึงสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และความอันตรายแสนวิเศษของจักรวาล" Abel กล่าว
 

บาปและซูเปอร์โนวา


Nirvana Noir มีขอบเขตเนื้อหาที่บอกเล่าผ่านเทคนิคคล้ายๆ กับที่ทีมเคยใช้ในเกมแรก แอนิเมชันที่แนบเนียนและการไขพัซเซิลเบาๆ ส่งเสริมให้ผู้เล่นออกสำรวจและลองโต้ตอบกับโลกรอบตัว "จากมุมของการออกแบบ เราชอบการร่างออกมาก่อน แล้วทำโปรโตไทป์ จากนั้นก็ใช้ข้อมูลจากทั้งสองอย่างนี้มาประกอบกัน" Abel กล่าว "การโต้ตอบของเรามักจะเปลี่ยนไปตามเวลา หรือไม่ก็ถูกปรับให้ง่ายขึ้นหลังจากที่เราโฟกัสกับภาพที่น่าสนใจ ภาพนี้ช่วยให้เรื่องดำเนินต่อไปยังไงบ้าง การโต้ตอบและสัมผัสสิ่งนี้จะทำให้สนุกยังไงบ้าง"

คุณสามารถดูผลลัพธ์ของหลักการสร้างพัซเซิลนี้ได้ในเดโมของ Nirvana Noir มีฉากหนึ่งที่ No Man ตั้งใจสอบปากคำคนขายเนื้อ Pork Pi ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของเขา กล่องโต้ตอบข้อความของ Pork Pi ถูกยัดเข้าไปในเครื่องบดเนื้อ และคุณต้องเรียงไส้กรอกสไตล์ Scrabble จำนวนหนึ่งเพื่อหาคำพูดที่ถูกต้องที่จะทำให้เขาเปิดใจ นับเป็นการผสมงานสืบสวนและการใช้ภาพที่มีเสน่ห์ เพราะ No Man ต้องใช้คำและภาษาของ Pork Pi เพื่อต่อต้านคนขายเนื้อ
Nirvana Noir 7
การโต้ตอบแสนสร้างสรรค์เหล่านี้คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Genesis Noir มีการใช้ข้อความ สี และมุมมองในแนวทางที่คาดไม่ถึง และการได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องถึงภาคนี้ก็ถือเป็นอะไรที่วิเศษมาก

"Jeremy กำลังทำพัซเซิลที่คุณจะได้ค้นพบโบสถ์ที่ถูกเผาไปแล้ว และคุณจะต้องทำให้โบสถ์นั้น "คืนสู่สภาพเดิม"" Anthony กล่าว "คุณจะย้อนเวลาเพื่อมองดูความเป็นมาของสิ่งของเหล่านี้ และเปลี่ยนสิ่งของจากสถานะที่ถูกทำลายให้กลายมาเป็นสถานะก่อนหน้า เพื่อดูเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นตรงนั้น"

ขณะที่การไขพัซเซิลจะพาคุณเข้าใกล้การเปิดเผยปริศนาต่างๆ ใน Nirvana Noir มากขึ้นเรื่อยๆ คุณเองก็มีเมนู "Mind's Eye" แสนสะดวกที่จะแสดงแผนผังเบาะแส พยาน และตำแหน่งสำคัญที่โยงใยถึงกัน เหมือนกับกระดานไม้ก๊อกที่มีด้ายแดงโยงของนักสืบเป๊ะๆ งานสืบสวนมีบทบาทกว่าเดิมมากใน Nirvana Noir เมื่อเทียบกับ Genesis Noir และเป็นอะไรที่เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในไทม์ไลน์ Constant Testament หลอนประสาทสีสันสดใส

ใน Black Rapture เกมยังคงถอดแบบการสื่อสารราวบทกวีจาก Genesis Noir โดยมีพัซเซิลเน้นการสัมผัส ที่คุณสามารถ "จับ" พัซเซิลเหล่านี้โดยการลองทำสิ่งต่างๆ กับฉาก แต่ในความเป็นจริงชวนให้ลายตาของ Constant Testament การไขพัซเซิลจำเป็นต้องพึ่งพลังสมองมากกว่านั้นอีกนิด ทั้งข้อความที่ต้องอ่านเยอะกว่า รวมถึงตัวเลือกบทสนทาสำหรับการตอบกลับ และการตั้งคำถามต่างๆ ให้เลือกเมื่อพูดคุยกับตัวละคร
Nirvana Noir 3
ทว่าครั้งนี้ คุณเองจะสามารถเลือกสำรวจฉากต่างๆ ได้ตามใจด้วย ไปตามตึกต่างๆ คุยกับตัวละคร และลองสำรวจสิ่งที่อยู่รอบตัวแทนการถูกพาไปตามฉากและตอนเชิงบทกวีที่ดำเนินเป็นเส้นตรง

"ระยะทางประมาณสองสามช่วงตึก แต่มันเล็กแล้วก็แน่นมากเลย" Apel กล่าว "มันเป็นแนวๆ โอเพนเวิลด์ คุณเข้าไปในตึกไหนก็ได้ ตอนไหนก็ได้ ประมาณนั้น และโลกของเกมก็วนเวียนไปตามสภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกันนี้ แทนที่จะผลักคุณไปตามด่านที่แยกออกจากกันเลย"

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างนี้เปิดโลกการเล่าเรื่องที่ขยับขยายขอบเขตความเป็นไปได้ให้กับทีม

"Genesis Noir เป็นด่านเดี่ยวๆ ต่อกันที่เปิดโอกาสให้เราคิดสร้างสรรค์และสำรวจช่วงเวลาและพื้นที่ต่างๆ มากมาย แต่ถ้ามองจากมุมการเล่าเรื่องแล้ว เพราะเรากระโดดข้ามช่วงเวลาแรกในจักรวาล ผ่านประวัติศาสตร์โลก จนมาถึงนิยายวิทยาศาสตร์ อะไรแบบนี้เลยจบในตัวมันเอง เกมเน้นไปที่ความงดงามเชิงกวีของสิ่งที่อยู่รอบตัว ความเกี่ยวข้องกับตัวละคร เป็นรูปแบบการจัดการอารมณ์ แทนที่จะเป็นพล็อตที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย สิ่งนี้พาไปสู่สิ่งนั้น เหมือนคุณกำลังเปิดเผยทฤษฎีสมคบคิดที่ละเอียดอ่อน" Abel อธิบาย

"กับ Nirvana Noir ตัวเกมเน้นพล็อตที่เข้มข้นกว่าอย่างแน่นอน เรายังคงรักษาความงดงามทางบทกวีของเกมแรกเอาไว้ แต่หวังว่าจะเก็บมันไว้กับตัวละครและเหตุการณ์น่าตื่นตาต่างๆ รวมถึงการออกสำรวจเมืองแห่งจักรวาลที่สอดคล้องกัน นครหลวงที่อยู่เหนืออภิปรัชญา"
Nirvana Noir 5
จากสิ่งที่ Feral Cat Den บอก และสิ่งที่เราได้เห็นจากวิดีโอตัวอย่างสุดคลั่งของเกมแล้วเนี่ย ถ้าคุณเป็นแฟนแอนิเมชัน บอกเลยว่าห้ามพลาดู Nirvana Noir ดูเหมือนจะเป็นการผสมผสานระหว่างบทกวีเชิงปรัชญาของเกมแรกกับการระเบิดจักรวาลแห่งสีสันและความคิดสร้างสรรค์ครั้งใหม่ได้อย่างลงตัว และกลิ่นอายนีโอนัวร์เหมือนภาคก่อนหน้า Nirvana Noir เองก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นลูกครึ่งที่กลมกล่อมระหว่างสไตล์คลาสสิกและคลื่นลูกใหม่

คุณจะได้เข้าไปสู่เรื่องเล่านักสืบแห่งจักรวาลของ Nirvana Noir เร็วๆ นี้ที่ Epic Games Store เพราะฉะนั้น คอยติดตามข้อมูลเพิ่มเติมนะ และถ้าคุณอยากสวมใส่หมวกกับเสื้อคลุมของนักสืบแห่งอวกาศเร็วขึ้นอีกนิด Genesis Noir พร้อมให้เล่นแล้ววันนี้ที่ Epic Games Store